การตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง
โดยการซื้ออุปกรณ์ หรือชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่จำหน่ายอยู่ในร้านค้าทั่วไป ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีทดสอบหาฮอร์โมน HCG ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ โดยจะหลั่งออกมาจากรกหลังจากปฏิสนธิไปแล้ว 6 วัน และจะขึ้นสูงสุดในช่วง 8-12 สัปดาห์หลังการมีเพศสัมพันธ์ ความแม่นยำของการตรวจวิธีนี้จะมีมากถึง 90 % โดยอุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์นี้แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ
- แบบแถบจุ่ม อุปกรณ์ชุดนี้จะมีราคาถูก ประกอบไปด้วยแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ และถ้วยตวง (บางยี่ห้อไม่มี) วิธีการใช้คือเก็บปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำแผ่นทดสอบจุ่มลงในถ้วยตวงประมาณ 3 วินาที แล้วนำออกมาจากถ้วยตวงทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีเพื่อรออ่านผลตรวจครรภ์ ข้อควรระวัง คือ อย่าให้น้ำปัสสาวะเลย หรือสูงเกินกว่าขีดลูกศรของแผ่นทดสอบ
- แบบปัสสาวะผ่าน มีเพียงแท่งตรวจครรภ์ที่ใช้ในการทดสอบเท่านั้น วิธีการใช้คือ ถอดฝาครอบออกแล้วถือแท่งให้หัวลูกศรชี้ลงพื้น แล้วปัสสาวะผ่านบริเวณที่ต่ำกว่าลูกศรให้ชุ่มประมาณ 30 วินาที จากนั้นรออ่านผลประมาณ 3-5 นาที
- แบบหยด หรือแบบตลับ ชุดอุปกรณ์จะประกอบไปด้วยหลอดหยด ตลับตรวจครรภ์ และถ้วยตวงปัสสาวะ ขั้นตอนการใช้ คือ เก็บปัสสาวะลงในถ้วยตวง จากนั้นนำหลอดหยดดูดน้ำปัสสาวะแล้วหยดลงในตลับตรวจครรภ์ประมาณ 3-4 หยด วางตลับทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วจึงอ่านผลการตรวจ
การอ่านผลการตรวจ
ปกติแล้วการตรวจครรภ์ด้วยตัวเองมักจะทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ไม่ควรทิ้งไว้นานเกินไปเพราะอาจจะไม่มีขีดใดขึ้นมาเลย โดยบริเวณหน้าแสดงผลการตรวจจะมีตัวอักษร 2 ตัวคือ C และ T ซึ่งสามารถอ่านค่าได้ ดังนี้
1 ขีด (ขึ้นที่ขีด C เพียงอย่างเดียว) แสดงว่าได้ผลลบ คือ ไม่มีการตั้งครรภ์ หรือตั้งครรภ์แล้วแต่ยังตรวจไม่พบ
2 ขีด (ขึ้นที่ขีด C และ T) แสดงว่าได้ผลบวก คือ มีการตั้งครรภ์ (หากขึ้นขีดที่ T จาง ๆ ควรรออีก 2-3 วันเพื่อตรวจใหม่ในอีกครั้ง)
ไม่มีขีดใดขึ้นเลย แสดงว่าที่ตรวจครรภ์เสีย หมดอายุ หรือเกิดข้อผิดพลาดในขั้นตอนการเก็บปัสสาวะ ต้องตรวจใหม่อีกครั้ง
คำแนะนำในการตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง
- ก่อนใช้อุปกรณ์ตรวจครรภ์ควรรอให้เลยรอบเดือนประมาณ 7 วัน เพราะที่ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติอาจจะเกิดจากความเครียด และความวิตกกังวล
- ควรอ่านรายละเอียดขั้นตอนการใช้อย่างละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อผลทดสอบที่ถูกต้อง
- ควรตรวจอย่างน้อย 2 ครั้งเพราะปริมาณฮอร์โมน HCG จะมีระดับที่แตกต่างกัน หากตรวจหลายครั้งจะได้ผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่า โดยเว้นระยะทดสอบประมาณ 2-3 วัน
- ควรตรวจหลังตื่นนอนตอนเช้า หรือก่อนรับประทานอาหารเพราะจะไม่มีสารเจือปนในปัสสาวะซึ่งอาจจะส่งผลให้ผลการตรวจคลาดเคลื่อนได้
- เมื่อฉีกซองแล้วควรรีบตรวจภายใน 1 ชั่วโมงทันทีเพราะหากทิ้งไว้นานจะทำให้ประสิทธิภาพในการตรวจลดลง
6 มิ.ย. 2567
1 มิ.ย. 2567
1 มิ.ย. 2567
6 มิ.ย. 2567