การเจ็บป่วยในระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่อาจเจ็บป่วย ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย คุณแม่ควรดูแลสุขภาพตนเองให้ดี หญิงตั้งครรภ์อาจจะอยู่ในช่วงที่ระบบภูมิต้านทานต่ำ หากไม่ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี อาจเสี่ยงติดเชื้อง่ายขึ้นค่ะ เชื้อไวรัสส่วนใหญ่แพร่กระจายอยู่ในอากาศและสูดดมผ่านละอองไอน้ำเล็ก ๆ หายใจเข้าไปทางจมูกได้ ต้องพยายามล้างมือบ่อย ๆ เมื่ออยู่ในที่สาธารณะควรสวมหน้ากากอนามัยด้วย เมื่อผู้อื่นมีอาการไอ จาม หรือกำลังอาเจียนควรกลั้นหายใจไว้สักครู่
การติดเชื้อไวรัส 2 ชนิดที่อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น หัดเยอรมัน และโรคอีสุกอีใส นอกจากนี้ยังมีเชื้อไวรัสอันตรายอื่น ๆ เช่น เชื้อไซโตเมกะโลไวรัส ภาวะติดเชื้อไวรัส Parvovirus (B-19) ที่ทำให้มีผื่นแดงบนแก้ม โรคติดเชื้อปรสิตท็อกโซพลาสโมซีสที่พบในอุจจาระแมว โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) โรคติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ และโรคซิฟิลิส
อาบน้ำอุ่น สปาน้ำแร่และห้องซาวน่าในช่วงตั้งครรภ์ 2-3 เดือนแรก ตัวอ่อนทารกอ่อนไหวต่ออุณหภูมิร่างกายของแม่ สภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กทารกด้วย อุณหภูมิของคนเราโดยทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 36.1-37.3 องศาเซลเซียส แนะนำให้แม่ที่กำลังตั้งครรภ์ท้องอ่อน ๆ ควรระมัดระวังไม่ให้เกิดอาการป่วยไข้ หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงถึง 39 องศาเซลเซียส และแม้ว่าคุณแม่จะอายุครรภ์เกินจากช่วงไตรมาสแล้วไปแล้ว ก็ยังควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัดออกไปก่อนนะคะ เพราะมีผลเสียหลายประการ คุณแม่สามารถกดไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อาบน้ำร้อนจัดช่วงตั้งครรภ์อาจมีปัญหา
การเลี้ยงแมวครอบครัวยังคงเลี้ยงแมวต่อไปได้นะคะ แม้ว่าแมวเป็นสัตว์ที่แพร่เชื้อปรสิตที่ติดต่อสู่คนผ่านอุจจาระของแมวที่ติดเชื้อ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท็อกโซพลาสโมซิส หญิงตั้งครรภ์ควรสวมถุงมือและล้างมือให้สะอาดทุกครั้งที่เก็บอุจจาระแมว เพื่อป้องกันการติดเชื้อเมื่อหยิบอาหารเข้าปาก ต้องล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน หลีกเลี่ยงอาหารพืชผักที่ไม่แน่ใจว่าล้างสะอาดดีแล้ว
ภาวะความรุนแรงและการคุกคามความรุนแรงภายในครอบครัวหรือการคุกคามมีผลกระทบอย่างมากในช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม พ่อแม่ยังอายุน้อยและไม่ได้รับการสนับสนุน หรือมีความเครียด ยิ่งเสี่ยงต่อปัญหาความรุนแรงหรือความขัดแย้งในครอบครัวมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีปัจจัยลบอื่น ๆ เช่น ว่างงาน ไร้ที่อยู่ ใช้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์ อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
หากคุณแม่กำลังมี ทารกในครรภ์ หรือลูกคนโต แม้แต่สัตว์เลี้ยงอยู่ในจุดเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อความรุนแรงและต้องการความช่วยเหลือ ควรแจ้งแพทย์ที่ฝากครรภ์หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐดูแลเรื่องสวัสดิการแม่และเด็กเพื่อที่จะหาที่ปลอดภัยให้แก่แม่และเด็ก มองหาคนที่เชื่อถือได้และขอความช่วยเหลือในยามที่ต้องการด้วยนะคะ