น้ำคาวปลา กี่วันหมด และวิธีการดูแลตัวเองหลังคลอด

Last updated: 27 พ.ย. 2566  |  211 จำนวนผู้เข้าชม  | 

น้ำคาวปลา กี่วันหมด และวิธีการดูแลตัวเองหลังคลอด

น้ำคาวปลา กี่วันหมด และวิธีการดูแลตัวเองหลังคลอด

น้ำคาวปลา คืออะไร กี่วันหมด
     น้ำคาวปลา คือ ของเหลวที่ถูกขับออกหลังคลอดประกอบด้วยเลือด เนื้อเยื่อที่หลั่งออกจากเยื่อบุโพรงมดลูกและแบคทีเรีย ในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด น้ำคาวปลาจะมีปริมาณมาก มีสีแดงสดเนื่องจากมีเลือดผสมอยู่มากและมีลิ่มเลือดเล็ก ๆ ไหลออกมาทางช่องคลอด หลังจากผ่านไปประมาณ 10 วัน แผลบริเวณเยื่อบุโพรงมดลูกจะค่อย ๆ ลดขนาดลง น้ำคาวปลาและเลือดก็จะค่อย ๆ ลดปริมาณลงและอาจเปลี่ยนเป็นสีชมพู สีน้ำตาล สีครีมหรือสีเหลือง โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ น้ำคาวปลาก็จะหมดไป

วิธีดูแลตัวเองขณะมีน้ำคาวปลา
     หลังจากคลอดบุตรควรใช้ผ้าอนามัยแผ่นใหญ่ชนิดหนา หรือผ้าอนามัยแบบกางเกงเพื่อรองรับเลือดและน้ำคาวปลาที่ไหลออกมามากในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด เมื่อเวลาผ่านไปและปริมาณน้ำคาวปลาเริ่มลดลง คุณแม่สามารถเปลี่ยนมาใช้ผ้าอนามัยแผ่นเล็กลงได้ แต่ไม่ควรใช้ผ้าอนามัยแบบสอดเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ เพราะอาจเสี่ยงติดเชื้อในช่องคลอดและอาจทำให้มดลูกกลับมาเป็นปกติช้าลง

นอกจากนี้ คุณแม่ควรปัสสาวะให้บ่อยขึ้นแม้ว่าจะไม่รู้สึกปวดปัสสาวะก็ตาม โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด คุณแม่อาจรู้สึกปวดปัสสาวะน้อยลงถึงแม้ว่ากระเพาะปัสสาวะจะเต็ม และหากปล่อยให้กระเพาะเต็มบ่อย ๆ อาจทำให้มดลูกหดตัวได้ยากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด และมีอาการปวดหลัง

การตกเลือดหลังคลอดและลักษณะน้ำคาวปลาที่ผิดปกติ

     การตกเลือดหลังคลอด เป็นความผิดปกติร้ายแรงที่อาจทำให้เสียเลือดปริมาณมากจนทำให้ความดันโลหิตลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้อวัยวะไม่ได้รับเลือดอย่างเพียงพอและอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ สาเหตุที่พบบ่อยอาจเกิดจากกล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวไม่ดี หรือมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกมดลูกอักเสบติดเชื้อ เนื่องจากการที่มดลูกไม่หดตัวกลับมาเป็นปกติเท่าที่ควร คือ สูง 7-8 เซนติเมตร กว้าง 4-5 เซนติเมตร หนา 3-4 เซนติเมตร จะทำให้เกิดการตกเลือดมาก หรือหากเคยตกเลือดหลังคลอดมาก่อน ก็อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดซ้ำได้ นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ เช่น

  • การคลอดยากและใช้เวลาคลอดนาน
  • การคลอดลูกแฝด
  • ทารกมีขนาดตัวใหญ่กว่า 3 กิโลกรัม
  • เคยผ่านการคลอดบุตรมาแล้วหลายครั้ง
  • มดลูกแตก มดลูกฉีกขาดระหว่างคลอด
  • การผ่าคลอด เพิ่มความเสี่ยงตกเลือดหลังคลอด
  • การใช้ยาออกซิโตซิน (Oxytocin) ในระยะเวลานานเพื่อกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวได้ดีในระหว่างการคลอด
  • ภาวะครรภ์เป็นพิษ
  • โรคอ้วน
     
    สำหรับลักษณะของน้ำคาวปลาและอาการผิดปกติที่ควรรีบเข้าพบคุณหมอ มีดังนี้

  • อาการตกเลือดหลังคลอดดีขึ้นแล้ว แต่ก็กลับมามีเลือดไหลเพิ่มขึ้นอีก
  • เลือดยังเป็นสีแดงสดหลังคลอดลูกแล้วเกิน 1 สัปดาห์
  • เลือดไหลออกมามากอย่างต่อเนื่องและต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 2 ชั่วโมง
  • ลิ่มเลือดที่ใหญ่ผิดปกติหรือมีขนาดใหญ่กว่าลูกพลัม
  • ตาพร่ามัว
  • ผิวชื้น หนาวสั่น
  • เวียนหัว หน้ามืด หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น
  • อ่อนแรง
  • คลื่นไส้
    น้ำคาวปลาอาจมีกลิ่นเฉพาะคล้ายกับกลิ่นเลือดประจำเดือน แต่หากสังเกตว่าน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นมากร่วมกับอาการไข้และหนาวสั่น ควรรีบเข้าพบคุณหมอทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหลังคลอด

น้ำคาวปลาผิดปกติมีลักษณะอย่างไร

     ถ้าคุณแม่หลังคลอดมีน้ำคาวปลา ที่มีกลิ่นเหม็นกว่ากลิ่นตอนมีประจำเดือน น้ำคาวปลากลับมามี สีแดงหลังจากที่จางไปแล้ว หรือน้ำคาวปลากลายเป็นสีเลือดสดมากขึ้น หรือในบางครั้งคุณแม่อาจมีไข้ หรืออาการปวด มดลูก มากกว่าปกติร่วมด้วย ถ้ามีอาการเหล่านี้แสดงว่าอาจมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น อาจเกิด จากการอักเสบในโพรง มดลูก หรืออาจจะเกิดมีเศษรกค้างในโพรง มดลูก และทำให้มีการอักเสบตามมา ถ้าคุณแม่มีอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจทำการรักษาต่อไป

อาการผิดปกติที่ควรไปพบแพทย์
     หากพบความผิดปกติใด ๆ เกี่ยวกับน้ำคาวปลา คุณแม่ควรไปปรึกษาแพทย์ หรือรีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการ ดังต่อไปนี้

  • น้ำคาวปลาไหลออกมามากจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยเกือบทุกชั่วโมง
  • มีน้ำคาวปลาไหลออกมาเรื่อย ๆ นานเกิน 4-6 สัปดาห์
  • มีน้ำคาวปลาในลักษณะเป็นลิ่มเลือดขนาดใหญ่กว่าลูกกอล์ฟไหลออกมานานหลายชั่วโมง
  • น้ำคาวปลามีกลิิ่นเหม็นมากขึ้น
  • น้ำคาวปลากลับมาเป็นสีแดงสดอีกครั้งหลังจากเริ่มจางได้ 2-3 วันแล้ว
  • น้ำคาวปลามีสีแดงสดตลอด 4 วันหลังคลอดหรือนานกว่านั้น และอาการไม่ดีขึ้นแม้นอนหรือพักผ่อนแล้ว
  • เป็นไข้ หรือปวดท้องส่วนล่าง
  • หัวใจเต้นผิดปกติ หรือรู้สึกเวียนศีรษะเหมือนจะเป็นลม

อ้างอิง : https://hellokhunmor.com/

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้