โรคลมชักในเด็ก
โรคลมชักในเด็ก พ่อแม่รู้เท่าทัน ลูกน้อยก็ปลอดภัย
โรคลมชักในเด็ก หนึ่งในโรคที่สร้างความทุกข์ใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ สาเหตุการเกิดโรคนี้มีได้หลายอย่าง อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ ความผิดปกติของระบบประสาท เคยเกิดอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนสมอง หรือเนื้องอกในสมอง เป็นต้น โดยรูปแบบการชัก อาจมีอาการได้ดังต่อไปนี้
พ่อแม่ต้องรู้! ลูกชักควรทำอย่างไร? วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น “ลมชักในเด็ก”
ลูกชัก ต้องทำอย่างไร ?
มีสติ ไม่ตื่นเต้น ให้ลูกนอนลงในที่โล่ง และสังเกตการชักให้ละเอียด (บันทึกภาพได้ยิ่งดี)
จับลูกนอนตะแคง หาวัสดุหนุนศีรษะลูก คลายเสื้อผ้า และหากมีอาหารในปากให้เอาออก
ห้ามงัดปากลูกเด็ดขาด! อย่าให้คนมามุง และระวังอย่าเอาสิ่งของเข้าปากลูก
เช็ดเศษอาหาร น้ำลาย โดยไม่ต้องพยายามงัด หรือเปิดปาก
รอจนลูกหยุดชัก โดยส่วนมาก อาการชักจะหยุดใน 2-3 นาที เช็กว่ามีบาดแผลหรือไม่ จากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาล
วิธีรักษาโรคลมชัก
วิธีการรักษาขั้นต้นคือ การให้ยากันชักซึ่งโดยทั่วไปเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปีหรือนานกว่านั้น และการรักษาสาเหตุของการเกิดโรคลมชักนั้นๆ ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถรักษาจนหายขาดได้ แต่ในบางรายทำได้เพียงแค่ยับยั้งไม่ให้เกิดอาการชักโดยรับประทานยาควบคุมอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันยากันชักมีอยู่หลายชนิด ซึ่งมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการควบคุมอาการชัก ผู้ป่วยร้อยละ 70 สามารถรักษาหรือควบคุมอาการได้ด้วยการใช้ยาและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นการชัก เช่น การอดนอน นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้การควบคุมอาหารแบบคีโตเจนิค ไดเอท (Ketogenic Diet) เพื่อลดอาการชักควบคู่ไปด้วย โดยส่วนใหญ่การควบคุมอาหารแบบนี้จะใช้กับเด็กที่ควบคุมอาการชักได้ยากและเมื่อการใช้ยาไม่ได้ผลเท่าที่ควร
สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานยาแล้วไม่ได้ผล แพทย์อาจเสนอทางเลือกด้วยการใช้วิธีการผ่าตัด ทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้นำวิธีการผ่าตัดอันทันสมัยที่เรียกว่า SEEG (Stereoelectroencephalography) มาใช้เป็นรายแรกและโรงพยาบาลเดียวในขณะนี้ของโรงพยาบาลเอกชน เป็นการผ่าตัดเพื่อฝังอิเลคโตรดเข้าไปในสมองเพื่อค้นหาจุดกำเนิดของลมชักได้อย่างแม่นยำก่อนการผ่าตัดจุดกำเนิดชักออก โดยได้ผลการผ่าตัดที่น่าพึงพอใจ
อ้างอิง : https://www.sikarin.com/health/
อ้างอิง : https://www.bumrungrad.com/th/
1 มิ.ย. 2567
6 มิ.ย. 2567
6 มิ.ย. 2567
1 มิ.ย. 2567