Last updated: 18 มี.ค. 2566 | 309 จำนวนผู้เข้าชม |
ปัจจุบันโรงเรียนอนุบาลมีหลากหลายประเภทให้เลือกตามความสนใจและความเหมาะสมของครอบครัวคุณแม่ ดังนี้ค่ะ
โรงเรียนรัฐบาลที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูง จำนวนนักเรียนต่อห้องค่อนข้างสูงเช่นเดียวกัน มีรูปแบบการสอนจะเน้นการดูแลตนเองและพึ่งพาตนเอง ถ้าเลือกโรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้าน ยิ่งจะลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆได้มากทีเดียว
โรงเรียนสาธิต คือโรงเรียนในกำกับของมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นที่ยอมรับในด้านโครงสร้างการเรียนการสอนและเนื้อหาวิชาการที่ได้มาตรฐาน และยังสามารถเรียนได้แบบต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยม จำนวนนักเรียนจะมีการจำกัดเข้า ค่าเทอมจะค่อนข้างสูงและมีการสอบเข้าเรียน
โรงเรียนอนุบาลเอกชนจะสอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ มีสภาพแวดล้อม อุปกรณ์การเรียนการสอนที่แตกต่างจากโรงเรียนรัฐบาล มีความพร้อมมากกว่า มีจำนวนเด็กต่อห้องไม่มาก โรงเรียนเอกชนจึงเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยม เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐานและค่าเทอมที่นับว่าไม่สูงจนเกินไป
เป็นโรงเรียนที่สอนสองภาษาหลักควบคู่กันไป เช่น ไทย-อังกฤษ,ไทย-จีน เป็นต้น ในไทยส่วนใหญ่มักเป็นการสอนแบบไทยคู่กับอังกฤษ หรือที่เรียกว่าการเรียนแบบ EP การเรียนการสอนจะอยู่ในภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ เน้นในเรื่องการใช้ภาษา เป็นโรงเรียนที่กำลังได้รับความนิยมสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกเรียนตามระบบการศึกษาไทย ที่อยู่ในสังคมและวัฒนธรรมไทย แต่ได้เน้นการใช้ภาษาอังกฤษ
โรงเรียนคาทอลิกมีพื้นฐานมาจากศาสนา จะเข้มงวดในเรื่องวิชาการ ระเบียบวินัย มารยาทการวางตัวต่างๆ ในสังคม และมีการสอบคัดเลือกด้วย
เป็นโรงเรียนที่เน้นในเรื่องการใช้ภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษมาเป็นอันดับแรก มีข้อจำกัดในเรื่องของสังคมและวัฒนธรรม ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีเป้าหมายให้ลูกเก่งภาษา โรงเรียนนานาชาติจะตอบโจทย์ได้ตรง แต่อาจมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
เป็นโรงเรียนที่เน้นในเรื่องการปลูกฝังทักษะชีวิตด้านต่างๆ ผ่านการเรียนการสอนนอกห้องเรียนเหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีเวลาสนับสนุนการเรียนรู้ของลูกอย่างเต็มที่
การเดินทางสะดวกหรือไม่ การเลือกโรงเรียนอนุบาลการเดินทางถือเป็นปัจจัยสำคัญมาก เพราะลูกวัยอนุบาลถือว่ายังเล็กมาก โรงเรียนที่ไกลเกินไปจะส่งผลเสียกับเด็กมากกว่าผลดี แม้ว่าโรงเรียนนั้นจะดีสักแค่ไหนก็ตาม เพราะยิ่งโรงเรียนไกลมากเท่าไหร่ก็จำเป็นต้องใช้เวลาเดินทางมากเท่านั้น ไม่เป็นผลดีกับลูกเลยค่ะ
โรงเรียนอนุบาลที่ดี จะต้องมีสัดส่วนของสิ่งปลูกสร้างและสวนธรรมชาติที่สอดคล้องกัน สิ่งที่โรงเรียนอนุบาลควรมีคือสนามเด็กเล่นที่แข็งแรงและปลอดภัยต่อเด็กด้วย และถึงแม้ว่าโรงเรียนบางโรงเรียนจะมีสวนที่น่ารื่นรมย์หรือสนามเด็กเล่นที่ดีเยี่ยม แต่สิ่งนี้ก็อาจเป็นฉากประดับเฉยๆ ได้ หากทางโรงเรียนไม่ได้จัดการเรียนการสอนของโรงเรียนให้เด็กได้เรียนรู้กลางแจ้ง
เช่น เป็นโรงเรียนเตรียมความพร้อม หรือเน้นวิชาการ เน้นอ่านเขียน อีกทั้งคุณแม่ต้องพิจารณาไปถึงว่าหลักสูตรสอดคล้องกับโรงเรียนที่ตั้งใจจะให้ลูกสอบเข้าตอนประถมฯ ด้วยหรือไม่
ดูว่าจำนวนนักเรียนและจำนวนครูพี่เลี้ยงต่อห้อง มีความเหมาะสมหรือไม่ โดยพิจารณาได้จากสัดส่วนของครู 1 คน ต่อเด็กกี่คน โดยในเด็กอายุประมาณ 2-3 ขวบ สัดส่วนคุณครู 1 คน ควรดูแลเด็ก 4-5 คน โดยขนาดกลุ่มไม่ควรเกิน 10 คน เด็กวัย 3-4 ขวบ ควรมีคุณครู 1 คนต่อเด็ก 6-7 คน และเด็กในกลุ่มไม่ควรเกิน 14 คน เป็นต้น การดูแลเด็กในสัดส่วนที่พอเหมาะ จะทำให้ครูสามารถดูแลเด็กได้อย่างมีคุณภาพและทั่วถึง
การที่ครูผู้สอนเรียนจบด้านการศึกษาเด็กปฐมวัยมาโดยตรง และหากมีการหาความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับการสอนเด็กอย่างต่อเนื่อง ก็จะเพิ่มคุณภาพในการสอนมากยิ่งขึ้น
ควรพิจารณาดูว่าค่าเทอมของโรงเรียนที่เลือกมีความเหมาะสมกับรายรับรายจ่ายของครอบครัวหรือไม่
ปัจจุบันโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีวันเปิดบ้านหรือ Open House คือการเปิดให้ผู้ปกครองเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนก่อนตัดสินใจ คุณแม่จึงควรใช้โอกาสนี้สำรวจ สังเกต สอบถามทางโรงเรียน บางโรงเรียนอาจมีผลงานของนักเรียนติดโชว์ไว้ คุณแม่อาจพิจารณาดูได้ว่างานที่ติดอยู่นั้นเป็นงานสร้างสรรค์ของเด็ก หรือเป็นงานให้เด็กทำตามสั่ง ถ้าเป็นงานสร้างสรรค์ที่มาจากตัวเด็กเอง แสดงว่าโรงเรียนนี้มีการส่งเสริมให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ และมีการริเริ่มการทำงานด้วยตัวเองได้ นอกจากนั้น ให้สังเกตว่ามีมุมหนังสือหรือไม่ มีการส่งเสริมให้เด็กเล่นตามพัฒนาการของเด็กหรือไม่ และสุดท้ายมีสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยหรือไม่ เมื่อดูแล้วคุณแม่ก็ใช้สิ่งเหล่านี้ประกอบการตัดสินใจค่ะ
เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของปัจจัยการพิจารณาเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก ที่สำคัญคุณแม่ควรพาลูกไปดูโรงเรียนด้วยว่าเขาชอบโรงเรียนไหน อย่างไร การให้ลูกได้มีส่วนเลือกโรงเรียนอนุบาลของเขาด้วย จะทำให้เขามีความสุขกับการไปโรงเรียนได้ระดับหนึ่งค่ะ
นอกจากการเลือกโรงเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของลูกแล้ว ลูกวัยนี้ยังต้องการสารอาหารที่พัฒนาสมอง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเรียนรู้ของเขา นอกจากอาหารหลัก 5 หมู่แล้ว การเลือกนมที่เสริมสารอาหารพัฒนาสมองให้ลูก จะช่วยให้มั่นใจว่าลูกได้รับสารอาหารไปใช้เพื่อการเรียนรู้อย่างแน่นอน
สารอาหารดังกล่าวได้แก่ MFGM ซึ่งประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ ที่พบในนมแม่ เช่น โปรตีนต่างๆ และไขมันเชิงซ้อน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารที่มีประโยชน์ส่งผลดีต่อร่างกายและสมองเด็ก, ดีเอชเอ กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดสายโซ่ยาว ที่พบมากในสมองและจอประสาทตา
อ้างอิง : https://www.enfababy.com/Child-development/Toddler-preparation/Things-choosing-pre-school
1 มิ.ย. 2567
6 มิ.ย. 2567
1 มิ.ย. 2567
6 มิ.ย. 2567